Latest Event Updates
คำนำ
งานชิ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ รถเปิดประทุน หากผิดพลาดประการใด ขอน้อมรับด้วยความยินดี
ผู้จัดทำบล็อก
นางสาว จิดาภา ป่องเป้น
รถเปิดประทุนที่เร็วที่สุดในโลก 408 กม./ชม.
Bugatti ประกาศอย่างเป็นทางการว่าซูเปอร์คาร์ Veyron Grand Sport Vitesse เป็นรถเปิดประทุนที่ทำความเร็วได้สูงสุดในโลก
ระหว่างการสร้างสถิติความเร็วสูงสุด Anthony Liu นักแข่งรถชาวจีนสามารถควบ Veyron Grand Sport Vitesse ทะยานไปได้ถึง 408.84 กม./ชม.บนสนามทดสอบ Ehra-Lessien ของ Volkswagen ในเยอรมนี
“นี่เป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นอย่างมาก ในระหว่างการทดสอบเราสามารถทำความเร็วได้เกินกว่า 400 กม./ชม. ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ แต่เมื่อถึงเวลาสร้างสถิติจริงเราไปได้ถึง 408 กม./ชม. ผมภูมิใจอย่างมาก แม้จะวิ่งด้วยความเร็วขนาดนั้นแต่ตัวรถก็ยังมีความมั่นคงและควบคุมได้สบาย โดยเฉพาะเมื่อเปิดหลังคาออกคุณจะได้ยินเสียงเครื่องยนต์เต็มสองหู แต่เสียงลมไม่ได้รบกวนผมเลยเพราะมันมีการออกแบบที่ดีเยี่ยม” Liu กล่าว
เพื่อฉลองความสำเร็จดังกล่าว Bugatti จะแนะนำรุ่นพิเศษ Veyron Grand Sport Vitesse World Record Car (WRC) Edition ที่งานเซี่ยงไฮ้ ออโต้โชว์ มาพร้อมขุมพลังขับเคลื่อน W16 ความจุ 7.9 ลิตร ผลิตพละกำลัง 1,200 แรงม้า แรงบิด 1,500 นิตันเมตร ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ดูอัลคลัตช์แบบ 7 สปีด ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ในเวลา 2.6 วินาที
Veyron Grand Sport Vitesse World Record Car (WRC) Edition จะมีจำนวนการผลิตจำกัดเพียง 8 คัน สนนค่าตัว 2.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
เบนซ์สปอร์ต2รุ่นใหม่”เหยียบสนุก-ราคาเร้าใจ”
โดย…พลพัต สาเลยยกานนท์จากผลสำรวจในประเทศสหรัฐอเมริกาที่สำรวจกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ พบว่า เจ้าของรถยนต์กว่า 90% ชอบร้องเพลงในรถ 84% มีความรู้สึกหลงใหลต่อรถยนต์ของตนเอง 50% เคยจูบกับคนรักในรถยนต์ 27% เคยมีกิจกรรมพิเศษกับคนรักในรถ และ 10% ได้รับการตอบตกลงในการหมั้นในรถยนต์
ตัวเลขจากผลวิจัยที่บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยกขึ้นมาข้างต้นเป็นข้อพิสูจน์ว่าการเลือกซื้อรถยนต์ในปัจจุบันไม่ใช่แค่การซื้อรถยนต์เพื่อการเดินทางเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ถือได้ว่าเป็นสถานที่หนึ่งในการสร้างความประทับใจได้เช่นกัน
บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จึงได้เสริมทัพผลิตภัณฑ์เข้ามาอีก 2 รุ่น ในตระกูล E-Class คือ The new E-Class Coupe รถยนต์สปอร์ตคูเป้ และ The new E-Class Cabriolet รถยนต์สปอร์ตเปิดประทุนแบบ 4 ที่นั่ง ที่เปิดตัวได้ฮือฮาไม่น้อยด้วยราคาที่ค่อนข้างเร้าใจอยู่ที่ 3.79 ล้านบาท ในรุ่น E-Class Coupe และ 3.99 ล้านบาท ในรุ่น The new E-Class Cabriolet โดยใช้การลดอุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นออกไป อาทิ เบาะนั่งอุ่นร้อน ระบบควบคุมการวิ่งบนหิมะ และอื่นๆ ส่งผลให้ราคาลดลงไปได้กว่า 7 แสนบาท จนกระทั่งสามารถเปิดราคาได้อย่างน่าสนใจ
เมอร์เซเดส-เบนซ์ จึงเชื่อมั่นว่าทั้ง 2 รุ่น จะช่วยสร้างยอดขาย (Volume) ได้จากราคาที่เร้าใจรวมไปถึงความสดใหม่ของผลิตภัณฑ์ที่โดนใจจากรูปลักษณ์ได้เป็นอย่างดี ด้วยความโดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอก กระจังหน้าและโคมไฟที่รวมการทำงานของไฟ LED ต่างๆ ไว้ในกรอบเดียว พร้อมเทคโนโลยีแบบ Fibre-Optic ทำให้ไฟคู่หน้ามีลักษณะแบบ “สี่ตา” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ E-Class อีกทั้งกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ตกแต่งด้วยโครเมี่ยม และการให้เส้นสายรอบคันที่ให้ความปราดเปรียวในอารมณ์ความเป็นสปอร์ต มาพร้อมกับชุดแต่งสปอร์ต AMG ในแบบจัดเต็ม
ขณะที่การตกแต่งภายในห้องโดยสารสอดคล้องกับอารมณ์ความเป็นสปอร์ตเช่นเดียวกันกับภายนอก โดยการใช้วัสดุคุณภาพสูงให้ความหรูหรามีระดับ รวมถึงเบาะหนังแบบสปอร์ต โดยเฉพาะในรุ่น The new E-Class Cabriolet ที่มีจุดเด่นในเรื่องการลดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสารที่เกิดขึ้นจากกระแสลม ด้วยแผงบังคับทิศทางลม (Air Cap) และแผงกั้นลม (Draught-Stop) ซึ่งจะทำงานอัตโนมัติเมื่อรถวิ่งแบบเปิดประทุน
ด้านสมรรถนะและเครื่องยนต์ทั้งคู่มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินใหม่แบบ Blue DIRECT แถวเรียง 4 สูบ ซึ่งนำเทคโนโลยีหัวฉีด Piezo ที่สามารถฉีดเชื้อเพลิงเข้าห้องเผาไหม้โดยตรง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกับที่ใช้ในเครื่องยนต์ V6 และ V8 รุ่นใหม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่นำมาใช้กับเครื่องยนต์ 4 สูบเป็นครั้งแรก โดยทั้ง 2 รุ่น ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร พละกำลังสูงสุดที่ 184 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 300 นิวตัน-เมตร ที่ 1,200-4,000 รอบต่อนาที อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ต่ำสุดที่ 7.8 วินาที สามารถทำความเร็วสูงสุดที่ 240 กม./ชม. ขณะที่มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 18 กม.ต่อลิตร ซึ่งทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด
สำหรับระบบความปลอดภัยของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เป็นที่เลื่องชื่อแบบ “จัดเต็ม” อยู่แล้ว อาทิ โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (ESP) เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด 4 ที่นั่ง ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Attention Assist) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ASR (Acceleration Skid Control) ระบบเบรก Adaptive Brake พร้อมฟังก์ชั่น HOLD และอื่นๆ อีกมากมาย
ทั้งหมดที่อยู่ในเมอร์เซเดส-เบนซ์ ใหม่ทั้ง 2 รุ่นนี้ ที่น่าจะตอบโจทย์และตรงใจสำหรับกลุ่มลูกค้าผู้บริหารหนุ่มรวมถึงเหล่าเจ้าของกิจการทั้งหลายทั้งชายและหญิง ที่ชื่นชอบรถยนต์หรูสไตล์สปอร์ตได้เป็นอย่างที่
ขณะที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอง ก็หวังว่ารถยนต์ทั้ง 2 รุ่นน่าจะช่วยเพิ่มอัตราการทำกิจกรรมหลายๆ อย่างตามตัวเลขของผลวิจัยข้างต้นให้เพิ่มขึ้นได้ไม่มากก็น้อย
3 รุ่นรถเปิดประทุน
ออดี้ (Audi) ค่ายรถยนต์สุดล้ำที่มาพร้อมดีไซน์สวยงาม เตรียมส่งรถเปิดประทุนในราคายั่วใจสุด ๆ อย่าง ออดี้ เอ 3 (Audi A3) รุ่นเปิดประทุน ซึ่งมาพร้อมกับเครื่องยนต์และอุปกรณ์สุดเร้าใจ
ออดี้ เอ 3 รุ่นเปิดประทุน ถูกวางให้เป็นรถเปิดประทุนราคาไม่แรงรองมาจากออดี้ เอ 5 รุ่นเปิดประทุน (Audi A5 Cabriolet) และแทนที่ ออดี้ เอ 3 รุ่นเปิดประทุนโฉมก่อน โดยรุ่นใหม่นี้ จะมีขนาดใหญ่กว่ารุ่นเดิมเล็กน้อย และใช้เวลาเปิดปิดหลังคาไฟฟ้าเพียง 18 วินาที
ออดี้ เอ 3 รุ่นเปิดประทุนมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ควอโทร (Quattro) ที่ขึ้นชื่อ มีเครื่องยนต์ให้เลือกถึง 3 รุ่นได้แก่ เครื่องยนต์ TFSI 1,400 ซีซี กำลัง 140 แรงม้า, เครื่องยนต์ TFSI 1,800 ซีซี กำลัง 180 แรงม้า และเครื่องยนต์ดีเซล TDI ขนาด 2,000 ซีซี กำลัง 150 แรงม้า นอกจากนี้ ออดี้ยังจะนำเครื่องยนต์จากรุ่นแรกอย่างเอส 3 (Audi S3) มาใช้ด้วย ซึ่งมาพร้อมกำลังถึง 300 แรงม้า และสามารถทำเวลาจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 5.4 วินาที
ออดี้ จะเปิดตัวเอ 3 และ เอส 3 รุ่นเปิดประทุนในงาน Frankfurt Motor Show ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 12 กันยายน 2013 ทั้งนี้ ยังเตรียมเปิดรับคำสั่งจองในประเทศอังกฤษช่วงเดือนตุลาคม และส่งมอบรถได้ช่วงเดือนมกราคา 2014
รุ่นเปิดประทุน 168 แรงม้า พื้นฐาน Mazda MX-5
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก autoblog
เมื่อพูดถึงรถเปิดประทุนยอดนิยม แน่นอนว่าหลายคนจะต้องนึกถึงสปอร์ตโร้ดสเตอร์อย่างมาสด้า เอ็มเอ็กซ์-5 (Mazda MX-5) แต่คนรักรถหลายคนย่อมรู้ว่ามาสด้าพัฒนารถเปิดประทุนร่วมกับค่ายรถยนต์จากอิตาลีอย่างอัลฟา โรมิโอ (Alfa Romeo) ซึ่งวันนี้ก็มีข่าวคราวความเคลื่อนไหวของรถสปอร์ตเปิดประทุนจากค่ายรถเก่าแก่จากอิตาลีมานำเสนอกันครับ
โดยหลังจากที่อัลฟา โรมิโอได้เปิดตัวรถเปิดประทุนต้นแบบในปี 2010 ที่ชื่อว่า อัลฟา โรมิโอ ทูเอโตทันทา (Alfa Romeo 2uettottanta) ซึ่งออกแบบโดยฟินินฟารินา บริษัทออกแบบรถยนต์ชั้นนำของโลก แต่ปัจจุบันมีการเปิดเผยว่า ทีมออกแบบที่พัฒนารถคันดังกล่าวได้ปรับเปลี่ยนดีไซน์ไปมากทีเดียว จากภาพร่างที่เผยออกมาในขณะนี้
สำหรับการออกแบบรถเปิดประทุนของอัลฟา โรมิโอเน้นความทันสมัยเป็นหลัก แต่ยังคงนำแรงบันดาลใจจากรถเปิดประทุนสุดคลาสสิคของค่ายอย่างอัลฟา โรมิโอ ดูเอ็ตโต (Alfa Romeo Duetto) ที่ได้รับความนิยมในช่วงยุค 1960 ซึ่งทีมออกแบบกล่าวว่า รถเปิดประทุนรุ่นใหม่ของพวกเขาจะไม่ใช้ดีไซน์ย้อนยุค แต่จะมีความร่วมสมัยและดูใกล้เคียงกับรถสปอร์ตคูเป้คันเล็กของค่ายอย่างอัลฟา โรมิโอ 4ซี (Alfa Romeo 4C) ซึ่งจะจำหน่ายในปี 2014
อย่างไรก็ตาม อัลฟา โรมิโอ รุ่นเปิดประทุนกับ มาสด้า เอ็มเอ็กซ์-5 ก็ยังคงจะใช้พื้นฐานและโครงสร้างรถร่วมกัน ซึ่งนั่นทำให้การเปิดเผยรายละเอียดครั้งนี้มีความเกี่ยวข้องกับรถสปอร์ตเปิดประทุนรุ่นยอดนิยมของมาสด้าด้วย แต่แน่นอนว่าทั้งมาสด้าและอัลฟา โรมิโอยังคงแยกกันพัฒนาด้านระบบขับเคลื่อนและดีไซน์รอบคันเช่นเดียวกับที่ผ่านมา
ด้านเครื่องยนต์คาดว่าอัลฟ่า โรมิโอจะใช้เครื่องยนต์มัลติแอร์ขนาด 1,400 ซีซี 168 แรงม้าจับคู่กับเกียร์ดูอัลคลัช 6 สปีด ซึ่งรองรับกำลังมากกว่าแต่น้ำหนักเบากว่าระบบขับเคลื่อนที่มีในมาสด้า เอ็มเอ็กซ์-5 ปัจจุบัน
สำหรับการเปิดตัวรถทั้งสองนั้นจะมีขึ้นภายในปี 2015 โดยมาสด้าจะเปิดตัวก่อนและอัลฟา โรมิโอจะเปิดตัวหลังจากมาสด้าเล็กน้อย โดยรถทั้งสองถือเป็นรถที่มีคนรอคอยมากที่สุดรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว
เปิดประทุน 4 ที่นั่งเร็วสุดในโลก
เบนท์ลี่ย์ คอนติเนนทอล จีที สปีด คอนเวอร์ติเบิล (Continental GT Speed Convertible ) มั่นใจเป็นรถเปิดประทุน 4 ที่นั่ง ที่ทำความเร็วได้สูงสุดในโลก 325 กม./ชม. จากขุมพลัง W12 สูบ ขนาด 6.0 ลิตร เทอร์โบคู่ 616 แรงม้า สนนราคา 22.9 ล้านบาท | |||
|
|||
หลังเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ 2013 เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ล่าสุดบริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ในฐานะผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลี่ย์อย่างเป็นทางการ ได้คิวนำ“คอนติเนนทอล จีที สปีด คอนเวอร์ติเบิล” มาจัดงานอวดโฉมในเมืองไทยทันที ที่Hall of Mirrors ชั้น M ศูนย์การค้าสยามพารากอน รูปลักษณ์ภายนอกโดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบเมทริกซ์ และช่องดักอากาศที่กันชแบบโครเมี่ยมเคลือบสีเข้ม พร้อมล้ออัลลอยด์ขนาด 21 นิ้วในลาย Speed alloy wheelsซึ่งลูกค้าสามารถเลือกได้ทั้งสีเงินหรือสี Dark tint ได้ ปลายท่อไอเสียขนาดใหญ่ออกมาในรูปทรงไข่ พร้อมประดับด้วยสปอยเลอร์ และเสริมด้วยลิ้นบนฝากระโปรง double-horseshoe เพื่อสร้างแรงกดตามหลักอากาศพลศาสตร์ ภายในตกแต่งหรูหราสง่างาม และเต็มไปด้วยเทคโนโลยีชั้นนำ อย่างระบบ Infotainment ได้รับการอัปเกรดซอฟแวร์ด้วยเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดที่แตกต่างกันไปตามความแตกต่างของแต่ละภูมิภาค จอภาพแสดงแผนที่ภาพภูมิทัศน์จากดาวเทียม ข้อมูลการจราจร พร้อมหน่วยความจำ 15 กิกาไบท์เพื่อใช้ในการเก็บเพลง หรือจะเล่นเพลงจากiPod, MP3 CD และ SD การ์ดได้เช่นกัน โดยชุดเครื่องเสียง Naim จะขับเสียงผ่านลำโพงแบบBalanced Mode Radiator (BMR) ผสานฟังก์ชั่นของลำโพงที่แยกเสียงแหลมและเสียงกลางไว้ในลำโพงตัวเดียว ขณะเดียวกันยังมีโหมด Digital Sound Processing ในกรณีผู้โดยสารเปิดหลังคารับลม ก็สามารถเปลี่ยนการตั้งค่าความสมดุลของเสียงให้เหมาะสมได้เพียงแค่กดปุ่ม |
|||
ด้านสมรรถนะจากเครื่องยนต์ขนาด 6.0 ลิตร W12สูบ 48 วาล์ว twin-turbocharged ให้กำลังสูงสุด 616 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดของ ZF สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ 4.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 325 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทั้งนี้เบนท์ลีย์ยังแจ้งว่าได้พัฒนาศักยภาพเครื่องยนต์บล็อกดังกล่าวให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงลง15% ส่วนระบบช่วงล่างหน้าแบบปีกนกคู่ (Double wishbone) หลังแบบ trapezoidal multi-linkพร้อมระบบการลดระดับ self-levelling system ได้รับการตั้งค่าให้ลดลง 10 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับรุ่น คอนทิเนนทัล จีที คอนเวอร์ติเบิล และติดตั้ง Anti-roll bars เข้ามาช่วยในการทรงตัวและรักษาเสถียรภาพของรถให้ดียิ่งขึ้น อันสอดคล้องกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่แบ่งกระจายน้ำหนัก หน้า/หลัง แบบ40/60 |
|||
|
|||
|
|||
สำหรับคอนติเนนทอล จีที สปีด คอนเวอร์ติเบิล เปิดราคาขาย 22.9 ล้านบาท ขณะเดียวกัน “เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส” ย้ำว่าผู้ที่ซื้อเบนท์ลีย์กับบริษัท จะได้สิทธิ์การรับประกันจากโรงงานเบนท์ลี่ย์ประเทศอังกฤษ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง พร้อมการบริการดูแลและบำรุงรักษาโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมตลอด 5 ปี (5 Years Free Service Package) |
|||
|
|||
|
เบนท์ลี่ย์ เผยโฉม มูซาน (Mulsanne) รถยนต์เปิดประทุนที่หรูหราอลังการที่สุดในโลก
รถเปิดประทุนที่เร็วที่สุดในโลก! Bugatti Vitesse
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก bugatti.com คุณ BugattiSocial สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม เเละcarbuzz.com
Guinness world records ได้ทำการบันทึกสถิติรถยนต์ที่มีความเร็วที่สุดในโลก คือ Bugatti Veyron สุดยอดซูเปอร์คาร์จากฝรั่งเศสที่ทำความเร็วสูงสุดยอดถึง 415 กม./ชม. ซึ่งทำไว้เมื่อปี 2010
มาในวันนี้ Bugatti ก็ยังส่งรถยนต์เปิดประทุนมาทำสถิติอีกครั้ง ด้วย Bugatti Vitesse รถยนต์เปิดประทุนที่ผลิตขายจริงที่ทำความเร็วสูงสุดในโลก ในหมู่รถยนต์เปิดประทุน ด้วยความเร็วสูงถึง 408 กม./ชม. ซึ่งขับโดย Anthony Liu นักขับชาวจีน ถือเป็นความภาพภูมิใจของชาวเอเชียด้วย
สำหรับ Bugatti Veyron 16.4 Grand Sport Vitesse ที่ทำสถิติโลกรอบนี้ เป็นรถเปิดประทุนตระกูลเดียวกับรุ่นพี่สไตล์คูเป้ที่ทำสถิติที่ดีที่สุดไว้เมื่อปี 2010 โดยพกพาเครื่องยนต์ 8,000 ซีซี 16 สูบ ที่ออกแบบให้มีขนาดเท่ากับเครื่อง V8 ทั่วไป พร้อมเทอร์โบชาร์จถึง 4 ตัว ให้กำลังสูงสุดถึง 1,200 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดที่ควบคุมการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์ สำหรับราคาของสุดยอดรถเร็วที่สุดในโลกคันนี้ อยู่ที่ 1,990,000 เหรียญสหรัฐ หรือ 58 ล้านบาทโดยประมาณ