Latest Event Updates

ประวัติผู้จัดทำ

Posted on

 

ผู้จัดทำบล็อก

เด็กหญิง เด็กหญิง  จิดาภา  ป่องเป็น

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

นำเสนอ

คุณครู ฉวีวรรณ   หอธรรมกุล

โรงเรียนบ้านลาดวิถี

ชื่อเล่นชื่อ  จุ๊บแจง

เกิดวันที่ 31 กรกฎาคม 2541
นับถือ ศาสนาพุทธอายุ  15

กรุ๊ปเลือด O

คติประจำใจ      สู้งาน    เพื่อวันข้างหน้า

สีที่ชอบ   สีดำ

เป็นคนกินง่าย

เพลงที่ชอบ  เพลงสริง

100_6584

คำนำ

Posted on

งานชิ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ               รถเปิดประทุน หากผิดพลาดประการใด ขอน้อมรับด้วยความยินดี

ผู้จัดทำบล็อก

นางสาว จิดาภา  ป่องเป้น

รถเปิดประทุนที่เร็วที่สุดในโลก 408 กม./ชม.

Posted on

Bugatti ประกาศอย่างเป็นทางการว่าซูเปอร์คาร์ Veyron Grand Sport Vitesse เป็นรถเปิดประทุนที่ทำความเร็วได้สูงสุดในโลก

ระหว่างการสร้างสถิติความเร็วสูงสุด Anthony Liu นักแข่งรถชาวจีนสามารถควบ Veyron Grand Sport Vitesse ทะยานไปได้ถึง 408.84 กม./ชม.บนสนามทดสอบ Ehra-Lessien ของ Volkswagen ในเยอรมนี

“นี่เป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นอย่างมาก ในระหว่างการทดสอบเราสามารถทำความเร็วได้เกินกว่า 400 กม./ชม. ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ แต่เมื่อถึงเวลาสร้างสถิติจริงเราไปได้ถึง 408 กม./ชม. ผมภูมิใจอย่างมาก แม้จะวิ่งด้วยความเร็วขนาดนั้นแต่ตัวรถก็ยังมีความมั่นคงและควบคุมได้สบาย โดยเฉพาะเมื่อเปิดหลังคาออกคุณจะได้ยินเสียงเครื่องยนต์เต็มสองหู แต่เสียงลมไม่ได้รบกวนผมเลยเพราะมันมีการออกแบบที่ดีเยี่ยม” Liu กล่าว

เพื่อฉลองความสำเร็จดังกล่าว Bugatti จะแนะนำรุ่นพิเศษ Veyron Grand Sport Vitesse World Record Car (WRC) Edition ที่งานเซี่ยงไฮ้ ออโต้โชว์ มาพร้อมขุมพลังขับเคลื่อน W16 ความจุ 7.9 ลิตร ผลิตพละกำลัง 1,200 แรงม้า แรงบิด 1,500 นิตันเมตร ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ดูอัลคลัตช์แบบ 7 สปีด ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ในเวลา 2.6 วินาที

Veyron Grand Sport Vitesse World Record Car (WRC) Edition จะมีจำนวนการผลิตจำกัดเพียง 8 คัน สนนค่าตัว 2.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

  • 7999229301413092204
  • 80469541963735599
  • 694016314336408694
  • 5558888831360250571

 

  • 15433916941087028271

 

  • 1209785931087393303

เบนซ์สปอร์ต2รุ่นใหม่”เหยียบสนุก-ราคาเร้าใจ”

Posted on

โดย…พลพัต สาเลยยกานนท์เบนซ์สปอร์ต2รุ่นใหม่"เหยียบสนุก-ราคาเร้าใจ"จากผลสำรวจในประเทศสหรัฐอเมริกาที่สำรวจกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ พบว่า เจ้าของรถยนต์กว่า 90% ชอบร้องเพลงในรถ 84% มีความรู้สึกหลงใหลต่อรถยนต์ของตนเอง 50% เคยจูบกับคนรักในรถยนต์ 27% เคยมีกิจกรรมพิเศษกับคนรักในรถ และ 10% ได้รับการตอบตกลงในการหมั้นในรถยนต์

ตัวเลขจากผลวิจัยที่บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยกขึ้นมาข้างต้นเป็นข้อพิสูจน์ว่าการเลือกซื้อรถยนต์ในปัจจุบันไม่ใช่แค่การซื้อรถยนต์เพื่อการเดินทางเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ถือได้ว่าเป็นสถานที่หนึ่งในการสร้างความประทับใจได้เช่นกัน

บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จึงได้เสริมทัพผลิตภัณฑ์เข้ามาอีก 2 รุ่น ในตระกูล E-Class คือ The new E-Class Coupe รถยนต์สปอร์ตคูเป้ และ The new E-Class Cabriolet รถยนต์สปอร์ตเปิดประทุนแบบ 4 ที่นั่ง ที่เปิดตัวได้ฮือฮาไม่น้อยด้วยราคาที่ค่อนข้างเร้าใจอยู่ที่ 3.79 ล้านบาท ในรุ่น E-Class Coupe และ 3.99 ล้านบาท ในรุ่น The new E-Class Cabriolet โดยใช้การลดอุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นออกไป อาทิ เบาะนั่งอุ่นร้อน ระบบควบคุมการวิ่งบนหิมะ และอื่นๆ ส่งผลให้ราคาลดลงไปได้กว่า 7 แสนบาท จนกระทั่งสามารถเปิดราคาได้อย่างน่าสนใจ

เมอร์เซเดส-เบนซ์ จึงเชื่อมั่นว่าทั้ง 2 รุ่น จะช่วยสร้างยอดขาย (Volume) ได้จากราคาที่เร้าใจรวมไปถึงความสดใหม่ของผลิตภัณฑ์ที่โดนใจจากรูปลักษณ์ได้เป็นอย่างดี ด้วยความโดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอก กระจังหน้าและโคมไฟที่รวมการทำงานของไฟ LED ต่างๆ ไว้ในกรอบเดียว พร้อมเทคโนโลยีแบบ Fibre-Optic ทำให้ไฟคู่หน้ามีลักษณะแบบ “สี่ตา” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ E-Class อีกทั้งกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ตกแต่งด้วยโครเมี่ยม และการให้เส้นสายรอบคันที่ให้ความปราดเปรียวในอารมณ์ความเป็นสปอร์ต มาพร้อมกับชุดแต่งสปอร์ต AMG ในแบบจัดเต็ม

ขณะที่การตกแต่งภายในห้องโดยสารสอดคล้องกับอารมณ์ความเป็นสปอร์ตเช่นเดียวกันกับภายนอก โดยการใช้วัสดุคุณภาพสูงให้ความหรูหรามีระดับ รวมถึงเบาะหนังแบบสปอร์ต โดยเฉพาะในรุ่น The new E-Class Cabriolet ที่มีจุดเด่นในเรื่องการลดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสารที่เกิดขึ้นจากกระแสลม ด้วยแผงบังคับทิศทางลม (Air Cap) และแผงกั้นลม (Draught-Stop) ซึ่งจะทำงานอัตโนมัติเมื่อรถวิ่งแบบเปิดประทุน

ด้านสมรรถนะและเครื่องยนต์ทั้งคู่มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินใหม่แบบ Blue DIRECT แถวเรียง 4 สูบ ซึ่งนำเทคโนโลยีหัวฉีด Piezo ที่สามารถฉีดเชื้อเพลิงเข้าห้องเผาไหม้โดยตรง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกับที่ใช้ในเครื่องยนต์ V6 และ V8 รุ่นใหม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่นำมาใช้กับเครื่องยนต์ 4 สูบเป็นครั้งแรก โดยทั้ง 2 รุ่น ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร พละกำลังสูงสุดที่ 184 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 300 นิวตัน-เมตร ที่ 1,200-4,000 รอบต่อนาที อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ต่ำสุดที่ 7.8 วินาที สามารถทำความเร็วสูงสุดที่ 240 กม./ชม. ขณะที่มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 18 กม.ต่อลิตร ซึ่งทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด

สำหรับระบบความปลอดภัยของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เป็นที่เลื่องชื่อแบบ “จัดเต็ม” อยู่แล้ว อาทิ โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (ESP) เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด 4 ที่นั่ง ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Attention Assist) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ASR (Acceleration Skid Control) ระบบเบรก Adaptive Brake พร้อมฟังก์ชั่น HOLD และอื่นๆ อีกมากมาย

ทั้งหมดที่อยู่ในเมอร์เซเดส-เบนซ์ ใหม่ทั้ง 2 รุ่นนี้ ที่น่าจะตอบโจทย์และตรงใจสำหรับกลุ่มลูกค้าผู้บริหารหนุ่มรวมถึงเหล่าเจ้าของกิจการทั้งหลายทั้งชายและหญิง ที่ชื่นชอบรถยนต์หรูสไตล์สปอร์ตได้เป็นอย่างที่

ขณะที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอง ก็หวังว่ารถยนต์ทั้ง 2 รุ่นน่าจะช่วยเพิ่มอัตราการทำกิจกรรมหลายๆ อย่างตามตัวเลขของผลวิจัยข้างต้นให้เพิ่มขึ้นได้ไม่มากก็น้อย

 

 

3 รุ่นรถเปิดประทุน

Posted on

ออดี้ (Audi) ค่ายรถยนต์สุดล้ำที่มาพร้อมดีไซน์สวยงาม เตรียมส่งรถเปิดประทุนในราคายั่วใจสุด ๆ อย่าง ออดี้ เอ 3 (Audi A3) รุ่นเปิดประทุน ซึ่งมาพร้อมกับเครื่องยนต์และอุปกรณ์สุดเร้าใจ

ออดี้ เอ 3 รุ่นเปิดประทุน ถูกวางให้เป็นรถเปิดประทุนราคาไม่แรงรองมาจากออดี้ เอ 5 รุ่นเปิดประทุน (Audi A5 Cabriolet) และแทนที่ ออดี้ เอ 3 รุ่นเปิดประทุนโฉมก่อน โดยรุ่นใหม่นี้ จะมีขนาดใหญ่กว่ารุ่นเดิมเล็กน้อย และใช้เวลาเปิดปิดหลังคาไฟฟ้าเพียง 18 วินาที

ออดี้ เอ 3 รุ่นเปิดประทุนมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ควอโทร (Quattro) ที่ขึ้นชื่อ มีเครื่องยนต์ให้เลือกถึง 3 รุ่นได้แก่ เครื่องยนต์ TFSI 1,400 ซีซี กำลัง 140 แรงม้า, เครื่องยนต์ TFSI 1,800 ซีซี กำลัง 180 แรงม้า และเครื่องยนต์ดีเซล TDI ขนาด 2,000 ซีซี กำลัง 150 แรงม้า นอกจากนี้ ออดี้ยังจะนำเครื่องยนต์จากรุ่นแรกอย่างเอส 3 (Audi S3) มาใช้ด้วย ซึ่งมาพร้อมกำลังถึง 300 แรงม้า และสามารถทำเวลาจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 5.4 วินาที

ออดี้ จะเปิดตัวเอ 3 และ เอส 3 รุ่นเปิดประทุนในงาน Frankfurt Motor Show ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 12 กันยายน 2013 ทั้งนี้ ยังเตรียมเปิดรับคำสั่งจองในประเทศอังกฤษช่วงเดือนตุลาคม และส่งมอบรถได้ช่วงเดือนมกราคา 2014

Audi A3 Cabiolet 2014

 

Audi A3 Cabiolet 2014

 

Audi A3 Cabiolet 2014

 

Audi A3 Cabiolet 2014

 

Audi A3 Cabiolet 2014

 

Audi A3 Cabiolet 2014

 

Audi A3 Cabiolet 2014

รุ่นเปิดประทุน 168 แรงม้า พื้นฐาน Mazda MX-5

Posted on

Alfa Romeo รุ่นเปิดประทุน

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก autoblog

เมื่อพูดถึงรถเปิดประทุนยอดนิยม แน่นอนว่าหลายคนจะต้องนึกถึงสปอร์ตโร้ดสเตอร์อย่างมาสด้า เอ็มเอ็กซ์-5 (Mazda MX-5) แต่คนรักรถหลายคนย่อมรู้ว่ามาสด้าพัฒนารถเปิดประทุนร่วมกับค่ายรถยนต์จากอิตาลีอย่างอัลฟา โรมิโอ (Alfa Romeo) ซึ่งวันนี้ก็มีข่าวคราวความเคลื่อนไหวของรถสปอร์ตเปิดประทุนจากค่ายรถเก่าแก่จากอิตาลีมานำเสนอกันครับ

โดยหลังจากที่อัลฟา โรมิโอได้เปิดตัวรถเปิดประทุนต้นแบบในปี 2010 ที่ชื่อว่า อัลฟา โรมิโอ ทูเอโตทันทา (Alfa Romeo 2uettottanta) ซึ่งออกแบบโดยฟินินฟารินา บริษัทออกแบบรถยนต์ชั้นนำของโลก แต่ปัจจุบันมีการเปิดเผยว่า ทีมออกแบบที่พัฒนารถคันดังกล่าวได้ปรับเปลี่ยนดีไซน์ไปมากทีเดียว จากภาพร่างที่เผยออกมาในขณะนี้

Alfa Romeo รุ่นเปิดประทุน
Alfa Romeo รุ่นเปิดประทุน

สำหรับการออกแบบรถเปิดประทุนของอัลฟา โรมิโอเน้นความทันสมัยเป็นหลัก แต่ยังคงนำแรงบันดาลใจจากรถเปิดประทุนสุดคลาสสิคของค่ายอย่างอัลฟา โรมิโอ ดูเอ็ตโต (Alfa Romeo Duetto) ที่ได้รับความนิยมในช่วงยุค 1960 ซึ่งทีมออกแบบกล่าวว่า รถเปิดประทุนรุ่นใหม่ของพวกเขาจะไม่ใช้ดีไซน์ย้อนยุค แต่จะมีความร่วมสมัยและดูใกล้เคียงกับรถสปอร์ตคูเป้คันเล็กของค่ายอย่างอัลฟา โรมิโอ 4ซี (Alfa Romeo 4C) ซึ่งจะจำหน่ายในปี 2014

Alfa Romeo 4C
Alfa Romeo 4C

อย่างไรก็ตาม อัลฟา โรมิโอ รุ่นเปิดประทุนกับ มาสด้า เอ็มเอ็กซ์-5 ก็ยังคงจะใช้พื้นฐานและโครงสร้างรถร่วมกัน ซึ่งนั่นทำให้การเปิดเผยรายละเอียดครั้งนี้มีความเกี่ยวข้องกับรถสปอร์ตเปิดประทุนรุ่นยอดนิยมของมาสด้าด้วย แต่แน่นอนว่าทั้งมาสด้าและอัลฟา โรมิโอยังคงแยกกันพัฒนาด้านระบบขับเคลื่อนและดีไซน์รอบคันเช่นเดียวกับที่ผ่านมา

ด้านเครื่องยนต์คาดว่าอัลฟ่า โรมิโอจะใช้เครื่องยนต์มัลติแอร์ขนาด 1,400 ซีซี 168 แรงม้าจับคู่กับเกียร์ดูอัลคลัช 6 สปีด ซึ่งรองรับกำลังมากกว่าแต่น้ำหนักเบากว่าระบบขับเคลื่อนที่มีในมาสด้า เอ็มเอ็กซ์-5 ปัจจุบัน

สำหรับการเปิดตัวรถทั้งสองนั้นจะมีขึ้นภายในปี 2015 โดยมาสด้าจะเปิดตัวก่อนและอัลฟา โรมิโอจะเปิดตัวหลังจากมาสด้าเล็กน้อย โดยรถทั้งสองถือเป็นรถที่มีคนรอคอยมากที่สุดรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว

Alfa Romeo รุ่นเปิดประทุน

 

Alfa Romeo รุ่นเปิดประทุน

 

Alfa Romeo รุ่นเปิดประทุน

 

Alfa Romeo รุ่นเปิดประทุน

เปิดประทุน 4 ที่นั่งเร็วสุดในโลก

Posted on

เบนท์ลี่ย์ คอนติเนนทอล จีที สปีด คอนเวอร์ติเบิล (Continental GT Speed Convertible ) มั่นใจเป็นรถเปิดประทุน 4 ที่นั่ง ที่ทำความเร็วได้สูงสุดในโลก 325 กม./ชม. จากขุมพลัง W12 สูบ ขนาด 6.0 ลิตร เทอร์โบคู่ 616 แรงม้า สนนราคา 22.9 ล้านบาท

หลังเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ 2013 เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ล่าสุดบริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ในฐานะผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลี่ย์อย่างเป็นทางการ ได้คิวนำ“คอนติเนนทอล จีที สปีด คอนเวอร์ติเบิล” มาจัดงานอวดโฉมในเมืองไทยทันที ที่Hall of Mirrors ชั้น M ศูนย์การค้าสยามพารากอน

รูปลักษณ์ภายนอกโดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบเมทริกซ์ และช่องดักอากาศที่กันชแบบโครเมี่ยมเคลือบสีเข้ม พร้อมล้ออัลลอยด์ขนาด 21 นิ้วในลาย Speed alloy wheelsซึ่งลูกค้าสามารถเลือกได้ทั้งสีเงินหรือสี Dark tint ได้ ปลายท่อไอเสียขนาดใหญ่ออกมาในรูปทรงไข่ พร้อมประดับด้วยสปอยเลอร์ และเสริมด้วยลิ้นบนฝากระโปรง double-horseshoe เพื่อสร้างแรงกดตามหลักอากาศพลศาสตร์ 

ภายในตกแต่งหรูหราสง่างาม และเต็มไปด้วยเทคโนโลยีชั้นนำ อย่างระบบ Infotainment ได้รับการอัปเกรดซอฟแวร์ด้วยเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดที่แตกต่างกันไปตามความแตกต่างของแต่ละภูมิภาค จอภาพแสดงแผนที่ภาพภูมิทัศน์จากดาวเทียม ข้อมูลการจราจร พร้อมหน่วยความจำ 15 กิกาไบท์เพื่อใช้ในการเก็บเพลง หรือจะเล่นเพลงจากiPod, MP3 CD และ SD การ์ดได้เช่นกัน 

โดยชุดเครื่องเสียง Naim จะขับเสียงผ่านลำโพงแบบBalanced Mode Radiator (BMR) ผสานฟังก์ชั่นของลำโพงที่แยกเสียงแหลมและเสียงกลางไว้ในลำโพงตัวเดียว ขณะเดียวกันยังมีโหมด Digital Sound Processing ในกรณีผู้โดยสารเปิดหลังคารับลม ก็สามารถเปลี่ยนการตั้งค่าความสมดุลของเสียงให้เหมาะสมได้เพียงแค่กดปุ่ม 

ด้านสมรรถนะจากเครื่องยนต์ขนาด 6.0 ลิตร W12สูบ 48 วาล์ว twin-turbocharged ให้กำลังสูงสุด 616 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดของ ZF สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ 4.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 325 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทั้งนี้เบนท์ลีย์ยังแจ้งว่าได้พัฒนาศักยภาพเครื่องยนต์บล็อกดังกล่าวให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงลง15% 

ส่วนระบบช่วงล่างหน้าแบบปีกนกคู่ (Double wishbone) หลังแบบ trapezoidal multi-linkพร้อมระบบการลดระดับ self-levelling system ได้รับการตั้งค่าให้ลดลง 10 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับรุ่น คอนทิเนนทัล จีที คอนเวอร์ติเบิล และติดตั้ง Anti-roll bars เข้ามาช่วยในการทรงตัวและรักษาเสถียรภาพของรถให้ดียิ่งขึ้น อันสอดคล้องกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่แบ่งกระจายน้ำหนัก หน้า/หลัง แบบ40/60

สำหรับคอนติเนนทอล จีที สปีด คอนเวอร์ติเบิล เปิดราคาขาย 22.9 ล้านบาท ขณะเดียวกัน “เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส” ย้ำว่าผู้ที่ซื้อเบนท์ลีย์กับบริษัท จะได้สิทธิ์การรับประกันจากโรงงานเบนท์ลี่ย์ประเทศอังกฤษ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง พร้อมการบริการดูแลและบำรุงรักษาโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมตลอด 5 ปี (5 Years Free Service Package)

เบนท์ลี่ย์ เผยโฉม มูซาน (Mulsanne) รถยนต์เปิดประทุนที่หรูหราอลังการที่สุดในโลก

Posted on

          ตั้งแต่เปิดตัวไปที่ Pebble Beach Concours d’Elegance ปี 2009 จนถึงวันนี้ มูซาน (Mulsanne) ยังคงเป็นรถซาลูน แกรนด์ ทัวริ่ง จากเบนท์ลี่ย์ที่หรูหรา สง่างาม เต็มไปด้วยงานฝีมือชั้นเยี่ยมและหรูหราอลังการ เครื่องยนต์เต็มไปด้วยพละกำลังและความเป็นสปอร์ต ซึ่งทำให้เบนท์ลี่ย์กลายมาเป็นที่สุดของรถที่เต็มไปด้วยความหรูหราอย่างสมบูรณ์แบบจากอังกฤษ
และในตอนนี้มูซาน (Mulsanne) ได้เผยโฉมคอนเซ็ปใหม่เป็นที่เรียบร้อย นั่นคือมูซาน เปิดประทุน (Mulsanne Convertible) ซึ่งทีมออกแบบจากเบนท์ลี่ย์ได้แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตของรถยนต์ Flagship คันนี้ของเบนท์ลี่ย์ ที่จะออกมาดึงดูดทุกสายตาและความสนใจของผู้ที่ชื่นชอบยานยนต์ที่ดีที่สุด โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ และมีการออกแบบที่ร่วมสมัย ไม่เพียงเท่านี้ Mulsanne Convertible Concept จะกลายมาเป็นรถยนต์เปิดประทุนที่หรูหราสง่างามที่สุดในโลก อีกทั้งจะกลายมาเป็นรถยนต์แกรนด์ทัวริ่ง 4 ที่นั่งที่จะเต็มไปด้วยพละกำลังเครื่องยนต์ที่เหนือชั้นควบคู่ไปกับความหรูหราได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุดอีกด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่นของรถคอนเซปมูซาน เปิดประทุน (Mulsanne Convertible Concept) คือการผสมผสานความ โดดเด่น ความหรูหราอลังการ เส้นสายของรถที่ลงตัว และโครงสร้างของรถที่แสดงให้เห็นถึงพละกำลังและการขับเคลื่อนที่ยอดเยี่ยมไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัวที่สุด
ภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบโดยเน้นในเรื่องของความหรูหราควบคู่ไปกับประสิทธิภาพการใช้งานที่ยอดเยี่ยม อีกทั้งภายในห้องโดยสารยังสะท้อนให้เห็นถึงความทันสมัย รวมไปถึงความร่วมสมัยที่ผสมผสานกันไว้ได้อย่างลงตัว ทุกชิ้นส่วนทำจากวัสดุอุปกรณ์ชั้นเลิศ สีต่างๆที่พ่นลงบนตัวรถแสดงให้เห็นถึงรายละเอียดของเส้นสายที่ทรงพลังอีกด้วย รถคอนเซ็ปมูซาน เปิดประทุน (Mulsanne Convertible Concept) คันนี้จะกลายมาเป็นรถยนต์ที่ดีเลิศจากเบนท์ลี่ย์ในตลาดรถยนต์หรูหราได้อย่างแน่นอน
          Wolfgang Dürheimer ประธานกรรมการบริหารและประธานกรรมการได้กล่าวถึงรถคอนเซ็ปมูซาน เปิดประทุน (Mulsanne Convertible Concept) คันนี้ไว้ว่า “มูซาน”(Mulsanne) ซาลูนคันนี้เพียบพร้อมไปด้วยความทันสมัย หรูหรา เต็มไปด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และจะสร้างตำนานให้กับโลกรถยนต์เปิดประทุนระดับหรูหราอย่างแน่นอน การที่นำ คอนเซ็ปเปิดประทุนเข้ามาเสริมให้กับรุ่นมูซาน (Mulsanne) นี้จะเป็นการเสริมทัพให้กับแบรนด์เบนท์ลี่ย์ และจะสร้างยอดขายในกลุ่มตลาดเปิดประทุนได้อย่างไม่ต้องสงสัยเลยทีเดียว”
           รถยนต์เปิดประทุนกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์และตำนานของเบนท์ลี่ย์ตั้งแต่ปี 1919 ซึ่งในตอนนั้นได้มีรถยนต์ที่ออกมาในรูปแบบ race-bred เครื่องยนต์ขนาด 3 ลิตร จากนั้นจึงเป็นรุ่น Park Ward S1 Drophead Coupe เรื่อยมาจนถึงรุ่นที่ผ่านมานั่นคือรุ่นAzure และแน่นอนเบนท์ลี่ย์เต็มไปด้วยศักยภาพที่จะสร้างรถยนต์เปิดประทุนที่ใครๆปรารถนาออกมาให้กับตลาดรถยนต์หรูหราได้แน่นอน

รถเปิดประทุนที่เร็วที่สุดในโลก! Bugatti Vitesse

Posted on

 

Bugatti Vitesse

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก bugatti.com คุณ BugattiSocial สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม เเละcarbuzz.com

Guinness world records ได้ทำการบันทึกสถิติรถยนต์ที่มีความเร็วที่สุดในโลก คือ Bugatti Veyron สุดยอดซูเปอร์คาร์จากฝรั่งเศสที่ทำความเร็วสูงสุดยอดถึง 415 กม./ชม. ซึ่งทำไว้เมื่อปี 2010

มาในวันนี้ Bugatti ก็ยังส่งรถยนต์เปิดประทุนมาทำสถิติอีกครั้ง ด้วย Bugatti Vitesse รถยนต์เปิดประทุนที่ผลิตขายจริงที่ทำความเร็วสูงสุดในโลก ในหมู่รถยนต์เปิดประทุน ด้วยความเร็วสูงถึง 408 กม./ชม. ซึ่งขับโดย Anthony Liu นักขับชาวจีน ถือเป็นความภาพภูมิใจของชาวเอเชียด้วย

 สำหรับ  Bugatti Veyron 16.4 Grand Sport Vitesse ที่ทำสถิติโลกรอบนี้ เป็นรถเปิดประทุนตระกูลเดียวกับรุ่นพี่สไตล์คูเป้ที่ทำสถิติที่ดีที่สุดไว้เมื่อปี 2010 โดยพกพาเครื่องยนต์ 8,000 ซีซี 16 สูบ ที่ออกแบบให้มีขนาดเท่ากับเครื่อง V8 ทั่วไป พร้อมเทอร์โบชาร์จถึง 4 ตัว ให้กำลังสูงสุดถึง 1,200 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดที่ควบคุมการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์ สำหรับราคาของสุดยอดรถเร็วที่สุดในโลกคันนี้ อยู่ที่ 1,990,000 เหรียญสหรัฐ หรือ 58 ล้านบาทโดยประมาณ

Bugatti Vitesse

Bugatti Vitesse

Bugatti Vitesse

Bugatti Vitesse

Bugatti Vitesse

Bugatti Vitesse

Bugatti Vitesse

Bugatti Vitesse

Bugatti Vitesse

Bugatti Vitesse

Bugatti Vitesse

Bugatti Vitesse

Bugatti Vitesse

Bugatti Vitesse